“ชีวิตคือการลงทุน การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในตัวคุณเอง” วอร์เรน บัฟเฟต์

คำกล่าวที่ว่าถูกใช้เป็นแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงผู้คนในโลกนี้มาไม่น้อย แต่คงสงสัยว่าทำไมเพจด้านสุขภาพอย่าง มสช.จึงนำข้อความของนักลงทุนระดับโลกมาใช้อ้างอิงในหัวข้อนี้ ก็เพราะเราอยากจะทำซีรีส์ของการลงทุนด้านสุขภาพ โดยขอเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยกับเรื่องของสุขภาพช่องปากที่ทุกคนดูแลตัวเองได้

เมื่อพูดถึงช่องปาก สิ่งที่เราต้องจ่ายในการดูแลมีอยู่ไม่กี่อย่าง เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แต่ถ้าเราลงทุนเลือกใช้ของที่ไม่ดีพอ หรือไม่มีปริสิทธิภาพในการปกป้องช่องปากของคุณ คุณอาจต้องเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากไปกับการรักษาเหงือกและฟันของคุณก็ได้

ลงทุนกับ “แปรงสีฟัน” เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ดูที่แปรงติดดาว

ขอเริ่มด้วยการลงทุนกับ “แปรงสีฟัน” แปรงดีต้องดูที่อะไรบ้าง

ขนาดหัวแปรง หัวแปรงสีฟันสำหรับผู้ใหญ่ควรมีความกว้างประมาณ ½ -1 นิ้ว และมีความยาวประมาณ 1 นิ้ว เป็นขนาดที่สามารถเข้าไปทำความสะอาดในจุดที่ยากจะเข้าถึง เช่น ด้านข้าง หรือด้านหลังฟันกราม เป็นต้น

ขนแปรง ลักษณะขนแปรงควรมีความอ่อนนุ่ม ปลายขนแปรงโค้งมนเล็กน้อย จะสร้างความเสียหายให้กับเหงือก ฟัน และรากฟันได้น้อยกว่าขนแปรงที่แข็ง ทั้งนี้ความเสียหายอาจขึ้นอยู่กับแรงกดขณะแปรงฟันด้วย แค่เพียงแปรงบริเวณคอฟันทีละซี่ไปมาเบา ๆ 15-20 ครั้ง ก็ช่วยลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ได้

ด้ามจับ ด้ามจับแปรงควรมีความบยาวที่พอเหมาะ จับถนัดมือ แข็งแรง ไม่เปราะหรือหักง่าย

แปรงดีดูที่ดาว คุณสามารถเลือกซื้อแปรงสีฟันที่ดีได้ด้วยตัวเองโดยสังเกตสัญลักษณ์ “แปรงติดดาว” บนผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพของแปรงสีฟันโดยตรงจากกรมอนามัย หรือสามารถขอรับคำแนะนำจากทันตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการเลือกแปรงสีฟันที่เหมาะกับช่องปากของคุณได้เช่นกัน

อย่าลืมเปลี่ยนแปรง ทุกอย่างย่อมมีอายุไข ขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนแปรงทุก ๆ 3 เดือน เพราะในช่วง 3 เดือนแปรงของเราถูกใช้มาแล้วกว่า 180 ครั้ง การใช้แปรงนานกว่านี้อาจทำให้แปรงกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น อีกทั้งลักษณะของขนแปรงที่เปลี่ยนไป เช่น ขนแปรงบาน อาจลดประสิทธิภาพในการทำความสะอาดช่องปากของคุณเอง

มาลงทุนเลือกแปรงสีฟันที่ดีปีละ 4 ด้าม เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีของคุณ

ลงทุนกับ “ยาสีฟัน” เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ดูที่ฟลูออไรด์

ยาสีฟันที่ดีไม่ได้อยู่ที่ใช้สมุนไพรอะไรมาเป็นส่วนผสม #มอสอชอขอแชร์ วันนี้ขอชวนคุณหันมาทำความเข้าใจกับวิธีเลือกยาสีฟันกันใหม่ เพื่อให้คุณเลือกใช้ยาสีฟันได้อย่างปลอดภัย ตรงประสิทธิภาพในการดูแลเหงือกและฟันของคุณตามที่ทันตแพทย์ทั่วโลกแนะนำ

ควรเลือกยาสีฟันที่มีเครื่องหมาย
อย. ในประเทศไทยมีหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคอย่าง #สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นผู้คัดกรองประสิทธิภาพของยาสีฟันให้คนไทยนำมาใช้ ถ้ามีเครื่องหมาย อย. และเลขจดแจ้งที่ชัดเจนบนผลิตภัณฑ์ ขอให้มั่นใจได้เลยว่าปลอดภัย

เลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์
เพราะฟลูออไรด์มีส่วนป้องกันฟันผุ ลดอาการเสียวฟัน และทำให้สุขภาพฟันแข็งแรง

เลือกชนิดและรสชาติที่ทำให้เกิดความรู้สึกขณะแปรงที่ดี

หากใช้แล้วพบว่ามีส่วนผสมที่รบกวนช่องปา
เช่น กลิ่น รส หรือใช้แล้วทำให้เกิดอาการเสียวฟัน ให้ลองเปลี่ยนยาสีฟันใหม่ หากยังไม่ดีขึ้นควรไปพบทันตแพทย์เพื่อขอรับคำแนะนำ

ฟลูออไรด์คืออะไร?

ฟลูออไรด์คือ “เกลือ” ของธาตุฟลูออรีน เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทั้งในน้ำ ดิน หินแร่ อาหารทะเล และผักบางชนิด มีคุณสมบัติในการชะลอการย่อยสลายของแร่ธาตุ และเพิ่มความต้านทานต่อกรดบนผิวเคลือบฟัน ซึ่งช่วยยับยั้งการเกิดฟันผุได้

หากคุณจะต้องเลือกซื้อยาสีฟันในครั้งต่อไป ต้องให้เวลากับการอ่านฉลากโดยเฉพาะส่วนผสมเลือกที่มีฟลูออไรด์ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับสุขภาพฟันของคุณแน่นอน

ลงทุนกับ “น้ำยาบ้วนปาก” เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ตอบโจทย์ปัญหาช่องปาก

ถ้าการแปรงฟันทำให้คุณรู้สึกว่าช่องปากยังได้รับการดูแลไม่มากพอ ขอแนะนำให้คุณลงทุนเพิ่มอีกสักหน่อยกับ “น้ำยาบ้วนปาก” วิธีการสำคัญในการเลือกซื้อน้ำยาบ้วนปากคือ อ่านฉลากก่อนซื้อ โดยเฉพาะส่วนประกอบที่ระบุบนฉลาก เพื่อเลือกให้เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด #มอสอชอขอแชร์ ขอแนะนำวิธีเลือกน้ำยาบ้วนปากจากปัญหาสุขภาพช่องปากของแต่ละคน ดังนี้

ปัญหาเสียวฟัน
สำหรับใครที่อาการเสียวฟัน ควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ #ฟลูออไรด์ หรือ #โพเทสเซียมไนเตรท มาช่วยเคลือบผิวฟันและลดอาการเสียวฟันได้

ปัญหาฟันผุง่าย
สำหรับใครที่มีปัญหาฟันผุ และต้องการตัวช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับฟัน ควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ #ฟลูออไรด์ เป็นหลัก

ปัญหากลิ่นปาก
สำหรับใครที่มีปัญหากลิ่นปาก ควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีสาร #เซทิลไพริดิเนียมคลอไรด์ หรือ CPC (Cetylpyridinium Chloride) ซึ่งเป็นสารฆ่าเชื้อที่มีฤทธิ์ในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย โดยควรใช้หลังจากการแปรงฟันอย่างน้อย 30 นาที หรือเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยต่าง ๆ แต่ควรดูดี ๆ ว่าไม่มีส่วนผสมที่ทำให้คุณระคายเคือง

ปัญหาเหงือกอักเสบ
สำหรับใครที่มีปัญหาเหงือกอักเสบ ควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ #กรดกลีซีร์ริซิก (Glycyrrhizic Acid) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบและมีส่วนช่วยดูแลรักษาเหงือกให้แข็งแรง

ปัญหาฟันเหลือง
สำหรับคนที่มีปัญหาสีฟันดูเหลือง ดูไม่สะอาด ควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนประกอบของ #โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate), #โซเดียมไตรโพลีฟอสเฟต (Sodium Tripolyphosphate), #ซิลิกอนไดออกไซด์ (Silicon Dioxide) และ #แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) แต่ไม่ใช่ว่าสารเหล่านี้จะทำให้ฟันขาวจ้าแต่อย่างใด เพียงแต่ช่วยให้ฟันดูสะอาดเป็นสีตามเนื้อฟันตามธรรมชาติในระยะหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้ขาวตลอดไป

เด็กอายุน้อยกว่า 6 ปี สามารถใช้น้ำยาบ้วนปากได้หรือไม่?
ยังไม่แนะนำให้เด็กอายุน้อยกว่า 6 ปีใช้น้ำยาบ้วนปาก เพราะเด็กยังไม่สามารถควบคุมการอมน้ำยาไว้ในปากได้

อย่างไรก็ดี น้ำยาบ้วนปากเป็นเพียงตัวเลือกเสริมที่ช่วยให้คุณมั่นใจในสุขภาพช่องปากได้มากขึ้น จะดีกว่านี้ถ้าคุณสามารถรักษาความสะอาดของช่องปากด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธี พิถีพิถันด้วยเทคนิค 2:2:2 และเลือกยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ปกป้องเหงือกและฟันให้แข็งแรง #ป้องกันให้ดีก่อนที่จะรักษา #สุขภาพช่องปากดีสุขภาพร่างกายแข็งแรง #รักฟันรักสุขภาพ

แชร์ไปยัง
Facebook

ส่งไปยัง
Email

ดาวน์โหลดไฟล์

ลงทุนกับ “ไหมขัดฟัน” ใช้ทุกวันถ้าไม่อยากฟันผุ และเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี

ถ้าการแปรงฟันเป็นประจำอาจทำให้คุณไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำความสะอาดช่องปากได้ดีพอ คุณสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับการทำความสะอาดฟันได้ด้วย “ไหมขัดฟัน” ตัวช่วยทำความสะอาดตามซอกฟันในบริเวณที่ขนแปรงสีฟันไม่สามารถเข้าไปทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นจุดที่มักทำให้เกิดฟันผุและเหงือกอักเสบได้

วิธีใช้ไหมขัดฟันที่ถูกต้อง มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
– ดึงไหมขัดฟันออกมาใช้ครั้งละประมาณ 30 เซนติเมตร พันปลายไหมไว้กับนิ้วกลางซ้ายและขวา โดยให้ด้านหนึ่งพันไว้มากกว่าอีกด้านเพื่อไว้ขยับใช้ตลอดเส้น พันจนเหลือความยาวของไหมระหว่าง 2 มือประมาณ 5-10 เซนติเมตร
– ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้จับไหมขัดฟันให้แน่น แล้วค่อย ๆ เลื่อนลงไปมาเบา ๆ ระหว่างซอกฟันจนถึงใต้ขอบเหงือก
– โอบไหมขัดฟันไปตามส่วนโค้งของซี่ฟัน แล้วค่อย ๆ ขยับขึ้นลง 1 ช่องทำให้ได้ทั้ง 2 ซี่
– เมื่อเสร็จ 1 ช่อง ให้คลายไหมด้านที่พันไว้เยอะ แล้วใช้อีกด้านเก็บไหมที่ใช้แล้วให้มีระยะห่างเท่าเดิม เพื่อขยับไปใช้ไหมส่วนที่สะอาด และทำความสะอาดฟันซี่ต่อไปเรื่อย ๆ จนครบทุกซี่

แนะนำให้ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ก่อนหรือหลังการแปรงฟันก็ได้ เพียงเท่านี้ ก็จะสามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์ที่สะสมอยู่บริเวณซอกเหงือกได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ถ้าไม่อยากไปหาหมอฟันเพราะฟันผุ หรือเหงือกอักเสบ ลองหันมาใช้ไหมขัดฟันตามที่ทันตแพทย์แนะนำกันดีกว่า

ความรู้เสริมท้าย
ความเชื่อที่ว่าใช้ไหมขัดฟันแล้วฟันห่างจริงหรือ?
ความจริงแล้วฟันแต่ละซี่ไม่ได้เรียงชิดติดกันขนาดนั้น ยังคงมีพื้นที่ว่างระหว่างฟันที่ไหมขัดฟันสามารถผ่านเข้าไปได้ ที่สำคัญไหมขัดฟันมีลักษณะเหมือนเส้นด้ายขนาดเล็ก ไม่สามารถทำอันตรายต่อผิวฟันหรือทำให้ซอกฟันขยายกว้างขึ้นแต่อย่างใด

ที่มา:
1. คู่มือการดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตัวเอง องค์ความรู้ที่จำเป็นในการส่งเสริมสุขภาพประชากรวัยทำงานที่มีมาตรฐาน สำหรับประชาชน
2. ANAMAI MEDIA สื่อมัลติมีเดียกรมอนามัยม, ฟลูออไรด์มีประโยชน์อย่างไร 22 พ.ค.2561
3.KAPOOK HEALTH, 10 น้ำยาบ้วนปาก เพิ่มความสะอาด สดชื่น ที่คนรักสุขภาพเลือกใช้ ยี่ห้อไหนดี ปี 2021 9 มี.ค. 2564
4. บทความจาก ฟันดีดี Better Teeth Thailand